[ คลิกที่รูปเพื่อดูขนาดจริง ]
เป็นเรื่องปกติที่การย้ายมาเล่นกับสโมสรใหม่จะทำให้นักเตะบางคนต้องเจอกับสถานการณ์ที่ไม่ง่ายเลยในการปรับตัว แต่สำหรับ คอสตาส ซิมิคาส ฟูลแบ็กชาวกรีก ต้องบอกว่าเขาเจอกับช่วงเวลาที่แสนยากลำบากในปีแรกที่ย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล
ช่วงที่ผ่านมา "หงส์แดง" มี แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน หนึ่งในนักเตะที่เป็นคีย์แมนสำคัญในตำแหน่งแบ็กซ้าย และได้รับการยกย่องว่าเป็นแบ็กซ้ายที่เก่งที่สุดซะด้วย โดยเขาลงสนามให้กับสโมสร 38 เกมลีกเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา และลงเล่นไป 36 เกมทั้งใน 2019/2020 และ 2018/2019 การที่จะหาตัวเลือกแบ็กซ้ายมาเป็นกำลังเสริมไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย แต่ ลิเวอร์พูล จำเป็นต้องเติมเต็มในจุดนี้เพื่อที่จะทำให้เกิดการแข่งขัน และส่งผลให้เกิดการพัฒนาการอย่างต่อเนื่องกับดาวเตะทีมชาติสกอตแลนด์
เจมส์ มิลเนอร์ เคยแสดงให้เห็นมาแล้วว่าเขาสามารถลงได้หลากหลายกตำแหน่งรวมทั้งในตำแหน่งแบ็กซ้ายเมื่อทีมต้องการใช้งาน แต่แน่นอนว่า "หงส์แดง" จะต้องเสียผู้เล่นตัวรุกที่สำคัญในแดนกลางไป 1 คนหาก มิลเนอร์ ต้องลงมายืนเป็นฟูลแบ็ก เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา เจอร์เก้น คล็อปป์ และไมเคิ่ล เอ็ดเวิร์ดส์ ผู้อำนวยการกีฬาสโมสร ตัดสินใจซื้อนักเตะในตำแหน่งแบ็กซ้ายมาเพิ่ม โดยคิดว่า ซิมิคาส คือหนึ่งใน 3 ออปชั่นที่ "เดอะ เร้ดส์" หมายตาเอาไว้ คนแรกที่ คล็อปป์ อยากได้มากๆ ก็คือ จามาล ลูอิส จาก นอริช ซิตี้ แต่สุดท้ายนักเตะเลือกซบ "สาลิกาดง" นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ขณะที่ เซร์คิโอ เรกีลอน ค่าตัวของนักเตะรายนี้แพงเกินไปหากดึงตัวมาเป็นยางอะไหล่ สุดท้ายนักเตะเลือกย้ายจาก เรอัล มาดริด ไปเล่นกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ค่าตัว 30 ล้านปอนด์ (ราว 1,320 ล้านบาท
สำหรับ ซิมิคาส ได้รับความสนใจจากแมวมอง "หงส์แดง" หลังจากที่แสดงผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับ โอลิมเปียกอส ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่น 2019/2020 โดย เลสเตอร์ ซิตี้ ก็สนใจนักเตะรายนี้เล่นกัน แต่สุดท้าย ลิเวอร์พูล คว้าตัวมาเสริมทัพด้วยค่าตัวแค่ 11.75 ล้านปอนด์ (ราว 517 ล้านบาท) เมื่อ 12 เดือนก่อน อย่างไรก็ตาม ดาวเตะทีมชาติกรีซ ต้องพบกับความยากลำบากในการปรับตัวสำหรับปีแรกที่แอนฟิลด์ โดยปัญหาหลักที่ทำให้เขาไม่ค่อยได้ลงสนามเนื่องจาก คล็อปป์ ดึงตัวเขามาเพิ่งเป็นยางอะไหล่ของ โรเบิร์ตสัน เท่านั้น แถมยังดวงแตกติดเชื้อโควิด-19 และมีอาการบาดเจ็บต้นขากับหัวเข่าจนต้องใช้เวลาในการพักฟื้นเป็นส่วนใหญ โดยปกติแล้วนักเตะที่คล็อปป์เซ็นสัญญาเข้ามาร่วมทีมพวกเขาจำเป็นต้องใช้เวลาในการปรับตัวให้เข้ากับแท็คติกของ "บอส" ก่อนที่จะได้รับไฟเขียวให้ลงสนาม กระนั้นด้วยสถานการณ์แนวรับบาดเจ็บเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา นั่นทำให้ คล็อปป์ ไม่ค่อยอยากสับเปลี่ยนตำแหน่งฟูลแบ็กมากนักเพราะสถานการณ์แนวรับไม่มีความคงเส้นคงวา ด้วยเหตุนี้ส่งผลให้ อดีตแบ็กซ้ายโอลิมเปียกอส ถูกจับลงสนามแค่ 7 เกมเท่านั้นโดยรวมถึงการลงเล่นตัวจริง 2 แมตช์ในรอบแบ่งกลุ่มศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และอีก 1 เกมในศึกคาราบาว คัพ
อย่างไรก็ตามมีเรื่องที่น่าสนใจก็คือ ซิมิคาส เริ่มมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ในการฝึกซ้อมช่วงปลายซีซั่นที่ผ่านมา แม้ว่าเขาจะมีข่าวว่าจะโดนเขี่ยทิ้งออกจากถิ่นแอนฟิลด์ แต่สุดท้าย คล็อป์ ยังเลือกที่จะเก็บนักเตะเอาไว้ต่อไป
สำหรับตอนนี้ ลิเวอร์พูล เตรียมจะลงสนามเปิดฤดูกาลใหม่ในเกมเยือน นอริช ซิตี้ วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคมนี้ และดูเหมือนว่า ซิมิคาส อาจจะได้ลงเล่นเป็นแบ็กซ้ายตัวจริง หลังจากที่โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดในช่วงอุ่นเครื่องปรีซีซั่น ซิมิคาส เล่นได้อย่างโดดเด่นมากๆ โดยเฉพาะในเกมอุ่นเครื่องนัดส่งท้ายซัมเมอร์ชนะ โอซาซูน่า 3-1 ที่สนามแอนฟิลด์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ดาวเตะชาวกรีก วิ่งขึ้นวิ่งลงทางฝั่งซ้ายได้อย่างสะเด็ดสะเด่า และยังเป็นคนแอสซิสต์ให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ทำประตูด้วย ต้องบอกว่าเลยการที่ ซิมิคาส ฟอร์มเข้าฟักถือว่าถูกช่วงเวลาจริงๆ เพราะ ลิเวอร์พูล จะต้องขาด โรเบิร์ตสัน หลายเกม เนื่องจาก แบ็กซ้ายเลือดวิสกี้ ได้รับบาดเจ็บค่อนข้างหนักที่ข้อเท้าในเกมอุ่นเครื่องเสมอกับ แอธเลติก บิลเบา เมื่อวันอาทิตย์
จากการตรวจสอบในช่วงต้นสัปดาห์นี้แสดงให้เห็นว่าเขาได้รับบาดเจ็บเอ็นข้อเท้าเสียหายซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่ โรเบิร์ตสัน จะไม่สามารถช่วย ลิเวอร์พูล ได้อย่างน้อยจนถึงเดือนกันยายนนี้ นั่นำทหใตอนนี้เป็นโอกาสทองของ ซิมิกาส ที่จะได้สร้างผลงานให้กับ ลิเวอร์พูล อย่างเต็มที่หลังจากที่ย้ายมาร่วมทีม ในเกมดวล นอริช, เบิร์นลี่ย์ และ เชลซี ซิมิกาส จะได้พิสูจน์ตัวเองว่าต่อให้ โรเบิร์ตสัน หายเจ็บกลับมาแล้วก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะทวงตำแหน่งแบ็กซ้ายคืนทันที.
ติดตามข่าวสารวงการฟุตบอลอัพเดทก่อนใครได้ที่นี่
|