การเลี้ยงกุ้งที่จำแนกตามความหนาแน่นของกุ้งและวิธีการเลี้ยง มี 2 แบบ ดังนี้
1. นากุ้งธรรมชาติ เป็นการเลี้ยงที่ใช้บ่อขนาดใหญ่ประมาณ 50 ไร่ขึ้นไป สูบน้ำทะเลเข้ามาเก็บไว้ประมาณ 1 เดือน แล้วทำการเก็บเกี่ยว ไม่มีการให้อาหารและการจัดการใดใด ผลผลิตที่ได้มีทั้งกุ้งหลากชนิดและสัตว์น้ำชนิดอื่นๆ เช่น ปู ปลา เป็นต้น สามารถแยกได้ 2 แบบดังนี้
1.1 นากุ้งธรรมชาติ อาศัยพันธุ์จากธรรมชาติ ซึ่งในปัจจุบันนากุ้งลักษณะนี้มีน้อยมาก
1.2 นากุ้งธรรมชาติที่มีการปล่อยพันธุ์กุ้งเสริม เป็นการพัฒนาจากนาธรรมชาติ โดยเกษตรกรผู้เลี้ยงไปซื้อพันธุ์กุ้งมาปล่อยเสริมประมาณไร่ละ 1,000-2,000 ตัว ผลผลิตที่ได้มีปริมาณกุ้งเพิ่มขึ้น ลูกกุ้งที่นิยมมาปล่อยเป็นทั้งกุ้งแชบ๊วยและกุ้งกุลาดำ
2. นากุ้งแบบพัฒนา เป็นการเลี้ยงในบ่อดินขนาดประมาณ 4-6 ไร่ มีการจัดการตั้งแต่การเตรียมบ่อ และการจัดการทั้งอาหารและอากาศ รวมทั้งการกำจัดสัตว์น้ำชนิดอื่น ผลผลิตที่ได้คือกุ้งที่เลี้ยง ซึ่งแบ่งเป็นการเลี้ยงออกได้หลายแบบ ดังนี้
2.1 บ่อดิน แยกได้ตามลักษณะของดินที่ทำบ่อ เช่น บ่อดินเหนียว ดินลูกรัง และดินทราย เป็นต้น
2.2 บ่อพีอี เป็นบ่อที่ปูพื้นบ่อหรือเฉพาะคันบ่อด้วยพลาสตอพีอี เพื่อลดปัญหาการกัดเซาะของคันบ่อ และเป็นการแก้ปัญหาดินที่พื้นบ่อ
ระบบการเลี้ยงที่จำแนกตามระบบน้ำที่ใช้ มี 3 ระบบ ดังนี้
1. ระบบเปิด เป็นระบบการเลี้ยงที่มีการเปลี่ยนถ่ายน้ำ ซึ่งเป็นระบบที่นิยมใช้ในการเลี้ยงในยุคต้นที่ยังไม่มีการระบาดของโรค ปัจจุบันยังใช้อยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่ต้องใช้น้ำจากบ่อพักน้ำแทนการสูบน้ำจากคลองธรรมชาติเข้าบ่อเลี้ยงโดยตรง เพื่อป้องกันปัญหาการระบาดของโรค
2. ระบบปิด เป็นระบบการเลี้ยงที่ไม่มีการเปลี่ยนถ่ายน้ำตลอดการเลี้ยง อย่างไรก็ตามอาจมีการเติมน้ำบ้างในระหว่างการเลี้ยง วิธีนี้ต้องมีการคุมอาหาร ไม่เช่นนั้นอาจก่อให้เกิดปัญหาคุณภาพน้ำซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อกุ้ง อย่างไรก็ตามในปัจจุบันมีการพัฒนาไปสู่ระบบไบโอฟลอค ซึ่งเป็นระบบที่ใช้การจัดการอัตราส่วนระหว่างคาร์บอนและไนโตรเจนในบ่อ ทำให้เกิดจุลินทรีย์ที่มีประโยฃน์ต่อกุ้ง และยังเป็นระบบบำบัดคุณภาพน้ำในบ่อด้วย
3. ระบบน้ำแบบหมุนเวียน ( Recirculated system) เป็นระบบการเลี้ยงที่มีการเปลี่ยนถ่ายน้ำไปบำบัดในบ่ออื่น แล้วนำกลับมาใช้เลี้ยงอีก ระบบนี้ต้องใช้พื้นที่มาก สนับสนุน https://bit.ly/3tDFOYW
|