การทำธุรกรรมทางธุรกิจไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายสินค้าหรือบริการเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับเงื่อนไขการชำระเงินที่สร้างขึ้นระหว่างธุรกรรมทั้งสองฝ่าย และ Credit Term เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยกำหนดเงื่อนไขการชำระเงินในธุรกรรมเหล่านั้นอย่างชัดเจน ในบทความนี้ เราจะทำความรู้จักกับ Credit Term คืออะไร และเข้าใจเกี่ยวกับเงื่อนไขการชำระเงินในธุรกรรมทางธุรกิจอย่างละเอียดเพื่อเข้าใจถึงความสำคัญและวิธีการใช้งานในการซื้อขายทางธุรกิจต่างๆ
1. ความหมายของ Credit Term Credit Term หมายถึง เงื่อนไขที่กำหนดระยะเวลาในการชำระเงินหรือยืมเงินในการทำธุรกรรม โดยส่วนมากจะใช้ในบริบทธุรกิจ เพื่อกำหนดระยะเวลาในการชำระเงินหรือใช้เงินโดยที่ไม่ต้องชำระทันที ซึ่งอาจเป็นรายเดือน รายไตรมาส หรือรายปี ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการวางแผนการเงินและบริหารจัดการเงินในธุรกิจ
2. ความสำคัญของ Credit Term
กำหนดเวลาการชำระเงิน: Credit Term ช่วยกำหนดระยะเวลาที่ผู้ซื้อต้องชำระเงิน ซึ่งช่วยลดความสับสนและช่วยให้ทั้งฝ่ายซื้อและฝ่ายขายมีเวลาในการเตรียมความพร้อมต่อการชำระเงิน
สร้างความไว้วางใจ: การมี Credit Term ที่ชัดเจนและเหมาะสมช่วยสร้างความไว้วางใจในการทำธุรกิจระหว่างฝ่ายซื้อและฝ่ายขาย ซึ่งทำให้เกิดความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ดีขึ้น
การบริหารการเงิน: ผู้ขายสามารถวางแผนการเงินและกระบวนการการผลิตได้ดีขึ้น เนื่องจากทราบล่วงหน้าเกี่ยวกับเงินที่จะเข้ามาในระบบ
การสร้างความยืดหยุ่น: บางครั้ง Credit Term อาจเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความยืดหยุ่นในการชำระเงินให้กับลูกค้า ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มยอดขายได้
3. ประเภทของ Credit Term
Net 30: หมายถึง ต้องชำระเงินภายใน 30 วันหลังจากวันที่วางบิล นับจากวันที่วางบิล
Net 60: หมายถึง ต้องชำระเงินภายใน 60 วันหลังจากวันที่วางบิล นับจากวันที่วางบิล
Net 90: หมายถึง ต้องชำระเงินภายใน 90 วันหลังจากวันที่วางบิล นับจากวันที่วางบิล
Cash on Delivery (COD): หมายถึง ต้องชำระเงินทันทีเมื่อได้รับสินค้าหรือบริการ ณ จุดที่กำหนด
Payment in Advance: หมายถึง ต้องชำระเงินก่อนการส่งสินค้าหรือบริการ โดยทั่วไปจะใช้ในกรณีที่ลูกค้าเป็นคู่ค้า